ถ้ำติ่ง (ถ้ำปากอู) แห่งนี้
มีความสำคัญมายาวนานกับชาวลาว โดยเฉพาะชาวลาวหลวงพระบาง
ถือได้ว่าเป็นเทวสถานของเจ้าที่แม่น้ำ โดยชาวบ้านท้องถิ่นเล่ากันว่า ถ้ำติ่ง ในสมัยโบราณเป็นที่สักการะบวงสรวงดวงวิญญาณ
ผีฟ้า ผีแถน เทวดาผาติ่ง
ซึ่งหินงอกหินย้อยที่มีอยู่มากมายภายในถ้ำนั้นเป็นที่สิงสถิตของผี
ทั้งวิญญาณในน้ำ
และในถ้ำ ต่อมา
ศาสนาพุทธเริ่มเข้ามาแพร่หลายผ่านมาทางชาวมอญ ในราวๆ พุทธศตวรรษที่ 13
และได้รับการนับถือกันแพร่หลาย
คู่ขนานไปกับความเชื่อดั่งเดิมในเรื่องของการนับถือบูชาผีฟ้า เทวดา
จนในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19 เข้าสู่ยุคเฟื่องฟูแห่งศาสนาพุทธ
ในรัชสมัยของพระเจ้าโพธิสารราช (พ.ศ. 2063 - พ.ศ.
2090) พระโพธิสารราชเจ้าขึ้นครองราชย์และรวบรวมแผ่นดินให้เกิดความเป็นปึกแผ่น
พระองค์เป็นกษัตริย์ผู้เลื่อมใสในศาสนาพุทธเป็นอย่างมาก พระองค์ทรงสร้างวัดวาอารามต่างๆ มากมาย และประกาศยกเลิกไม่ให้ประชาชนนับถือผีสางให้มายึดมั่นในพระพุทธศาสนา
ความเชื่อในเรื่องการบูชาภูติผีจึงลดบทบาทไป ประกอบกับสภาวะบ้านเมืองในขณะนั้น
ถ้ำติ่งจึงถูกทิ้งร้าง จนมาในปี 2091 คนท้องถิ่นที่นั่นเล่ากันว่า
ถ้ำติ่ง จึงได้ทรงค้นพบอีกครั้งโดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ซึ่งพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชบิดา ในขณะทำการก่อสร้างวัดปากอู ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำโขงฝั่งตรงข้าม
ชาวยุโรปกลุ่มแรกที่มายังถ้ำปากอูก็คือฟรานซิส การ์นิเย่ร์ นักสำรวจชาวฝรั่งเศส
จากนั้นมาถ้ำติ่ง แห่งนี้ ก็กลายเป็นพุทธสถาน ที่นักแสวงบุญในพุทธศาสนาได้เดินทางมาสักการะถ้ำแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง
และตามธรรมเนียมความเชื่อ นักแสวงบุญก็จะทิ้งพระพุทธรูปไว้ในถ้ำ
และทุกวันนี้มีพระพุทธรูปกว่า 4,000 องค์แล้ว
มีพระพุทธรูปจำนวนมากที่มีฝุ่นเกาะอยู่เต็มไปหมดและไม่ได้รับการเหลียวแล
ส่วนใหญ่แล้วมีอายุอยู่ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 24-25 กว่า
2,500 องค์ องค์ที่เก่าที่สุดสร้างจากไม้
และมีอีกหลายองค์ที่หล่อจากสำริดลงรักปิดทอง
โดยเราจะเห็นว่ามีพระพุทธรูปวางอยู่แทบทุกซอกทุกมุมภายในถ้ำเลยทีเดียวถ้ำติ่ง ประกอบไปด้วย 2 ถ้ำ แยกขวาไปถ้ำลุ่ม (ล่าง) แยกซ้ายไปถ้ำเทิง (บน)
การเดินทาง
การเดินทางไปเที่ยวชม ถํ้าติ่ง นั้นทำได้
2 ทาง คือทางเรือ และทางรถยนต์
ทางเรือนั้นต้องขึ้นเรือที่ท่าวัดเชียงทอง และมีอีกหลายท่าเรือจากหลวงพะบาง
ส่วนใหญ่จะเป็นแบบเช่าเหมาลำ ไปเป็นคณะ เมื่อพร้อมก็ออกเดินทางทวนลำน้าโขงขึ้นไป
สองฝั่งลำน้าโขงนั้นอุดมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามตื่นตา ตื่นใจบอกไม่ถูก
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ ๆ ก็จะถึง ถํ้าติ่ง
อีกเส้นทางหนึ่งคือ
ขึ้นรถจากหลวงพะบาง ไปยังบ้านซ่างไห่ หรือบ้านต้มเหล้า ระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร
แล้วเหมาเรือจากจุดนี้ไปยัง ถํ้าติ่ง หรือจะนั่งรถเลยไปยังบ้านปากอู ห่างจากหลวงพะบางประมาณ
45 กิโลเมตร แล้วไปขึ้นเรือที่ท่าเรือบ้านปากอู ค่าเหมาเรือจะถูกกว่า
จากบ้านซ่างไห่
เห็นเป็นเสาปูนอยู่กลางนํ้า คนขับเรือบอกว่ามันเป็นเสาวัดระดับนํ้าขึ้นลง ช่วงที่เราไปนํ้าลงมาก
ระหว่างเดินทางไปถํ้าติ่ง พบเรือสำราญ แล่นสวนอยู สองสามลำ
ภายในถํ้าติ่ง เต็มไปด้วยพระพุทธรูปมากมาย